Interview

คริส หอวัง

ส่งความสุขสิ้นปี กับหนังผีจี้เส้น

คริส หอวัง เคยสร้างปรากฏการณ์นางเอกดังทะลุล้านจากภาพยนตร์รักแห่งปี ‘รถไฟฟ้ามาหานะเธอ’ มาแล้ว ปลายปีนี้เธอขอทวงบัลลังก์นางเอกหนังรักคอเมดี้ สร้างรอยยิ้มให้คนดูอีกครั้ง ในบทบาทผีสาวแสนสวยที่ต้องจัดการภารกิจค้างคาใจให้สำเร็จ

+ ผีสวย หมวย ฮา คริสเล่นเป็นผี แต่ไม่น่ากลัวเลยค่ะ ตอนได้บทมาว่าจะต้องเล่นเป็นผีก็บอกเขาไปว่า “พี่หนูไม่เล่น หนูกลัว” คิดว่าหนังผีเลย ต้องถ่ายคิวกลางคืน บ้านต้องมีประวัติ ก็บอกเขาว่าไม่ไหว เขาก็บอกให้อ่านบทก่อน เล่นกับพี่ตุ๊กกี้ ก็เลยรู้แล้วว่าหนังตลกแน่ พออ่านบทถึงอ๋อ หน้าตาก็ไม่มีเละ แต่งหน้าปกติ เห็นตัวซีดๆ คือทำ CG

+ ปกติเป็นคนกลัวผีมั้ย? กลัวมาก เชื่อนะ คริสว่าคนไทยโตกันมาด้วยความเชื่อพวกนี้ เรื่องที่เรามองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราบูชา แต่เราก็กราบไหว้บูชากัน เรื่องวิญญาณเชื่อว่ามีแน่ๆ แต่ว่าไม่เคยเจอนะ (ยกมือขึ้นไหว้) สาธุแล้วก็ไม่อยาก ไม่ลบหลู่ เวลาไปถ่ายที่ไหนก็จะไหว้กันก่อนอยู่แล้ว แต่คริสจะกลัวจะนอยด์ได้ตลอด โชคดีเป็นคนไม่มีเซนส์

+ เดินสายนางเอกหนังคอเมดี้มาหลายเรื่อง อยากลองแนวอื่นบ้างมั้ย? คริสเล่นแนวไหนก็ได้ แต่เวลาเล่นหนังคอเมดี้มันมีความสุขเวลาอยู่ในกอง พอคัททุกคนก็หัวเราะ มันสนุกดี คริสก็เลยชอบแต่แนวอื่นก็อยากลองนะคะ ยิ่งเวลาเข้าฉากกับพวกพี่ตุ๊กกี้ พี่โก๊ะตี๋ พี่ต้นหอม ต้องบอกเขาว่าจะทำอะไรก็บอกกันก่อนนะ เดี๋ยวไม่ไหว อั้นไม่ไหว จะหลุดขำตลอด

+ ทบทวนชีวิตในปีที่ผ่านมา ก็มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี คริสเกิดปีลิง เขาว่าปีชง แต่ไม่มาก ก็จะมีไม่สบาย คุณยายเสีย แต่ว่าเรื่องดีๆ ก็มีเยอะ งานการก็ราบรื่นดี คริสว่าเรื่องดวงมันเป็นสิ่งที่เขาลิขิตมา คริสเชื่อเรื่องการทำบุญ แต่ถ้าเขาบอกว่า เดือนกุมภาพันธ์จะมีอันตราย เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วถึงขนาดไม่นั่งรถเลยขนาดนั้นก็ทำไม่ได้ ถ้ามีใครเตือนมาก็แค่เฝ้าระวัง

+ แผนอนาคตปีหน้า อยากทำธุรกิจอะไรบางอย่างให้มันอยู่ตัว และเป็นของที่เราจะไม่เบื่อไปตลอดชีวิต อย่างแบรนด์กระเป๋าคริสทำมาสองปีครึ่งก็เริ่มเบื่อแล้วนะ ตอนนั้นเราทำเพราะอยากทำ รู้สึกว่าเวลาเราซื้อกระเป๋าแพงๆ แต่ฟังก์ชันยังจะไม่พออีก เลยอยากทำกระเป๋าที่ไม่ต้องแพงมาก แต่ฟังก์ชันครบ ทำไมไม่มีกระเป๋าหนังกลับโดนน้ำได้ หรือกระเป๋าที่ช่องใส่ของเยอะๆ แล้วก็มีเรื่องเต้นรำที่ยังไม่ได้ทำเป็นของตัวเอง มีแต่สอนให้คนอื่น คริสคิดว่าการเปิดโรงเรียนเป็นโปรเจกต์ใหม่ อยากทำให้มันดี เหมือนเราเอาชีวิตลูกเขามาขัดเกลา ทำมั่วๆ ไม่ได้ ก็เป็นโปรเจกต์ที่ดูๆ ไว้